วันศุกร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2554

ทำอย่างไรให้ผู้เรียนใส่ใจคณิตศาสตร์

ทำอย่างไรให้ผู้เรียนใส่ใจคณิตศาสตร์


นับจากอดีตจนถึงปัจจุบันการจัดการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ในระดับมัธยมยังไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร เนื่องจากวิชาคณิตศาสตร์มีลักษณะเป็นนามธรรมและเนื้อหาบางตอนก็ยากที่จะอธิบายให้เด็กเข้าใจ  ต้องใช้  ความคิดอย่างสมเหตุสมผล  จึงจะเรียนรู้ และเข้าใจโครงสร้างทางคณิตศาสตร์ได้  ด้วยเหตุนี้ผู้เรียนส่วนใหญ่จึงไม่ชอบเรียนวิชาคณิตศาสตร์ และมีผลการ เรียนอยู่ในระดับที่ไม่น่าพอใจ นักเรียนคิดแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ไม่เป็นการเรียนการสอนจึงมีลักษณะเป็นการเลียนแบบนักเรียนทำแบบฝึกหัดหรือทำการบ้านไม่ได้ นักเรียนไม่สนใจและไม่ตั้งใจเรียน นักเรียนส่วนมากไม่มีทักษะในการคิดคำนวณ และไม่มีทักษะในการคิดแก้ไขปัญหาคณิตศาสตร์เนื่องจากครูคณิตศาสตร์โดยทั่วไปคิดว่าการสอนคณิตศาสตร์แผนใหม่มุ่งเน้นความเข้าใจความคิดรวบยอดทางคณิตศาสตร์แต่เพียงอย่างเดียว ไม่จำเป็นต้องให้นักเรียนได้ฝึกปฏิบัติด้านการ ทำแบบฝึกหัดหรือการทำการบ้านมาก ๆ
ด้วยเหตุนี้ผู้เขียนคิดว่า ผู้สอนควรที่จะสนใจว่าทำอย่างไรจึงจะให้ผู้เรียนใส่ใจคณิตศาสตร์ให้มากขึ้นกว่าเดิม โดยส่วนตัวแล้วผู้เขียนคิดว่าก่อนอื่นผู้สอนต้องทำให้ผู้เรียนมีเจตคติที่ดีกับวิชาคณิตศาสตร์ก่อน และจึงขอเสนอรูปแบบการสอนซึ่งมี 6 ระดับขั้น คือ
1.  ขั้นออกแบบ : ผู้สอนต้องวางแผนและออกแบบกิจกรรม ให้สอดคล้องกับเนื้อหาและระดับการเรียนรู้ อย่างรอบคอบระดับความพร้อมของผู้เรียน เน้นให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วม สนุกสนานในการเรียน มีทักษะทางคณิตศาสตร์ในด้านต่าง ๆ 2.  ขั้นนำ : ต้องสร้างบรรยากาศการเรียนการสอนเป็นไปอย่างสนุกสนาน ส่งเสริมให้เด็กมีเหตุผล สร้างความสามัคคี เช่นนำเข้าสู่บทเรียนด้วยเกม การแข่งขัน คิดเลขเร็ว แต่งนิทาน วาดรูป 3.  ขั้นสอน : ผู้สอนต้องสอนจากสิ่งที่ง่าย ไปสู่ยากในเรื่องที่ยากผู้สอนต้องไม่ให้ผู้เรียนศึกษาเองและไม่ควรเน้นที่ใบงานใบกิจกรรมมากจนเกินไป ผู้สอนควรเป็นผู้ที่คอยแนะนำ ให้คำปรึกษาไม่ใช่ผู้บอกทั้งหมด ผู้สอนต้องให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียน เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้แสดงทัศนคติ และนำสื่อต่าง ๆ มาใช้ประกอบการสอนควรเป็นสื่อที่ผู้สอนผลิตเองหรือให้ผู้เรียนร่วมกันผลิตสื่อ เน้นการใช้วัสดุที่หาได้ง่าย อาจใช้ของจริงประกอบ
4.  ขั้นฝึกหัด : ผู้สอนควรกำหนดสถานการณ์ที่สอดคล้องกับเนื้อหาที่เรียน ให้ผู้เรียนทำเป็นรายบุคคล หรือทำเป็นกลุ่ม ในแต่ละกลุ่มควรมีการคละความสามารถของผู้เรียน ในขั้นนี้อาจให้ผู้เรียนในแต่ละกลุ่ม ร่วมกันสร้างสถานการณ์ที่สอดคล้องกับเนื้อหาที่เรียนแล้วออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียน 
5.  ขั้นสรุป : ให้ผู้เรียนซักถามข้อสงสัย (ถ้ามี) เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้แสดงความคิดเห็นในเรื่องที่เรียนไป ผู้สอนช่วยชี้แนะ และผู้เรียนและผู้สอนร่วมกันสรุปเนื้อหาที่ได้เรียนไป หรือให้ผู้เรียนสรุปเป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุ่ม 
6.  การประเมิน : เน้นการประเมินตามสภาพจริง มีการประเมินที่หลากหลาย และควรให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการประเมินด้วย 
รูปแบบการสอน 6 ขั้นนี้ เป็นรูปแบบกว้าง ๆ ที่ผู้สอนสามารถประยุกต์ เอาวิธีสอนต่าง ๆ มาใช้ เพราะเป็นที่รู้ ๆ กันอยู่แล้วว่าในวิธีสอนนั้นไม่มีวิธีสอนใดดีที่สุดกับทุกเนื้อหา ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของผู้สอนว่าจะเลือกเอาวิธีสอนใดมาใช้
และควรคำนึงว่า การสอนนั้น
ต้องสัมพันธ์กับเนื้อหาหรือสามารถทำให้ผู้เรียนบรรลุจุดประสงค์ที่ ตั้งไว้มากที่สุดและต้องเน้นให้ผู้เรียนเกิดการฝึกทักษะ/กระบวนการทางคณิตศาสตร์  นำสถานการณ์จริงมาใช้ในการสอน เพราะการจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริงเป็นการ ฝึกปฏิบัติให้คิดเป็นและเกิดการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้เรียนมองคณิตศาสตร์เป็นรูปธรรม ไม่ควรใช้วิธีสอนที่ซ้ำ ๆ เดิม ๆ หรือหลีกเลี่ยงการสั่งการบ้านมาก ๆ เพราะผู้เรียนจะได้ไม่รู้สึกน่าเบื่อ ควรหลีกเลี่ยงโดยให้แบ่ง ๆ กันทำแล้วนำเสนอ เป็นต้น 
 เน้นให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนการสอนให้มาก ๆ เช่น การผลิตสื่อ การทำแบบฝึกหัด การจัดกิจกรรม ให้ผู้เรียนได้มีส่วนช่วยกันในกลุ่มเพื่อน  เพราะเมื่อครูช่วยให้นักเรียนพัฒนาการเรียนของตน และตระหนักถึงความเกี่ยวข้องของทักษะ และกระบวนการต่าง ๆ  ทางคณิตศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานในชีวิตจริง  นักเรียนก็จะกล้าคิดกล้าทำและร่วมกันรับผิดชอบในการเรียนมากขึ้น การมีส่วนร่วมนี้ช่วยให้นักเรียนเกิดความกระตือรือร้นและมีแรงจูงใจการทำงานเป็นกลุ่มย่อย หรือทำงานเดี่ยวกับการทำงานร่วมกับผู้อื่น และได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นช่วยให้นักเรียนได้มีส่วนเป็นเจ้าของในการเรียนนั้น ๆ การมีส่วนร่วมจะช่วยลดความกลัวในเรื่องความผิดพลาดและช่วยให้ นักเรียนกล้าเสี่ยง ในเวลาเดียวกันจะเป็นโอกาสสำหรับครูที่จะให้ข้อมูลย้อนกลับแก่นักเรียนเพื่อให้นักเรียนพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า การเรียนคณิตศาสตร์มิใช่เพียงแค่ผู้สอนต้องสร้างองค์ความรู้ให้กับผู้เรียนเท่านั้น แต่เป็นการสร้างเจตคติที่ดีให้กับผู้เรียน  ต้องทำให้ผู้เรียนไม่รู้สึกว่าการเรียนคณิตศาสตร์เป็นเรื่องที่น่าเบื่อ  ทำให้ผู้เรียนรู้สึกอยากเรียนคณิตศาสตร์และทำให้ผู้เรียนรู้ว่าในชีวิตประจำวันนั่นก็เป็นคณิตศาสตร์ นี่ก็เป็นคณิตศาสตร์ ไม่ใช่ให้ผู้เรียนเกิดคำถามในใจว่าเรียนคณิตศาสตร์ ไปทำไมไม่เห็นได้ใช้เลย





อ้างอิง ; http://www.kanid.com/article014.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น